Member Login

Username
Password

ลืมรหัสผ่าน? | สมัครสมาชิก
Sign in with Facebook







Online: 1 user(s)

สถิติผู้เข้าชม ร้านค้า

วันนี้
64
เมื่อวาน
94
เดือนนี้
1,298
เดือนที่แล้ว
2,817
ปีนี้
8,188
ปีที่แล้ว
40,689


เริ่มนับ 19/06/2016 :07.00 น.


ตรวจสอบการจัดส่งสินค้า



เครื่องหมายรับรอง
การจดทะเบียนพาณิชย์

(ภาพตัวอย่างเท่านั้น)





  หน้าแรก    เกี่ยวกับเรา    วิธีสั่งซื้อ-จัดส่ง    วิธีชำระเงิน    แจ้งโอนเงิน    ตรวจสอบการจัดส่ง    ติดต่อเรา    สมาชิก
หากพบหน้าไหนแสดงผลผิดเพี้ยน กรุณากดปุ่ม Ctrl+F5 1 ครั้งเพื่อ Refresh CSS+JavaScript

  

สินค้าที่ชอบ (0)
  

สินค้าที่ชมแล้ว (0)
  

เปรียบเทียบ (0)
  

ตะกร้าสินค้า (0)
  

ShopCart
  

ร้านค้าออนไลน์ : มือใหม่ควรเริ่มต้นอย่างไร

บทความทั้งหมด


บทความ เรื่อง : ร้านค้าออนไลน์ : มือใหม่ควรเริ่มต้นอย่างไร


ร้านค้าออนไลน์ : มือใหม่ควรเริ่มต้นอย่างไร

ในภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ กินข้าว 1 มื้อในสมัยนี้เมื่อเทียบกับสมัยก่อนอาจกินได้ถึง 3 จาน ถือว่าเป็นปัญหาหนักอกหนักใจอย่างยิ่งสำหรับวัยทำงานเกือบทุกคน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ที่อัตราการปรับเงินเดือนตามไม่ทันค่าครองชีพที่สูงขึ้น ลองย้อนกลับมาดูตัวเองแล้วคุณอาจจะเห็นว่าทุกวันนี้ใช้รายรับที่ได้มาเสมือนของร้อน ได้มาก็จ่ายไป ดีหน่อยก็ไม่เป็นหนี้ แต่ใช้เงินเดือนชนเดือน ปลายเดือนทีไรหน้าแห้งกินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกที

ทางออกของปัญหาเศรษฐกิจส่วนบุคคลแบบนี้ นอกจากจะรัดเข็มขัด ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปแล้ว ใครที่ขยันหน่อยคงต้องหาอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้ในระหว่างเดือน ซึ่งอาชีพเสริมก็มีหลากหลายรูปแบบ จะทำหลังเลิกงาน ทำวันเสาร์-อาทิตย์ หรือทำฟรีแลนซ์ รับงานเป็นจ็อบๆ ก็ได้ แต่ในยุคหลังๆ วิธีการที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ก็คือ การหารายได้จากการขายของผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือเปิดร้านค้าออนไลน์ เนื่องจากไม่ต้องลงทุนในการเปิดร้านเลย ขอแค่มีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น แค่นี้ก็สามารถหารายได้จากงานเล็กๆ ตรงนี้ได้ และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า งานเล็กๆ ที่ดูไม่รบกวนงานประจำแบบนี้ บางรายที่ทำมาค้าขึ้นถึงกับได้รายได้ดีกว่างานประจำเลยก็มี เชื่อว่าหลายท่านคงเริ่มสนใจการเปิดร้านค้าออนไลน์บ้างแล้ว แต่คงจะอยากรู้แล้วว่าจะเปิดร้านค้าออนไลน์ จะต้องเริ่มต้นอย่างไร? วันนี้ผู้เขียนมีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการเปิดร้านค้าออนไลน์มาฝากกัน

ทำไมต้องร้านค้าออนไลน์

ร้านค้าออนไลน์ คือ ร้านขายสินค้าต่างๆ ทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างจากร้านค้าที่มีหน้าร้าน คือ ขั้นตอนทุกอย่างใช้อินเทอร์เน็ตและระบบการขนส่งทางไปรษณีย์เป็นหลัก ผู้ซื้อกับผู้ขายติดต่อกันเพียงปลายนิ้วพิมพ์ข้อความ/ออเดอร์ส่งหากัน หรือสั่งสินค้าทางโทรศัพท์โดยตรง

ร้านค้าออนไลน์มีข้อดีกว่าการเปิดร้านขายของหลายประการ อย่างแรกไม่ต้องห่วงเรื่องทำเล ทุกอย่างทำบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นแทนที่จะมานั่งกังวลเรื่องทำเลว่าทำเลนี้จะขายของดีมั้ย คนพลุกพล่านหรือเปล่า เอ๊ะ! แล้วทำเลนี้จะสู้ราคาไหวมั้ย?? คุณสามารถเอาเวลาดังกล่าวไปคิดแผนการตลาดสร้างยอดขายจะดีกว่า นอกจากนี้การเปิดร้านค้าออนไลน์ไม่ต้องเสียค่าเปิดร้าน ไม่มีค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ไม่ต้องกังวลเรื่องดิน ฟ้า อากาศ ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาเปิดปิดร้าน เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าร้านค้าออนไลน์มีความเป็นอิสระสูงและสะดวกสบาย มีเวลาไม่มากก็สามารถดูแลจัดการร้านเพียงคนเดียวได้ ขอเพียงแค่คุณมีอินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าสู่ร้านค้าของตัวเองเท่านั้นเอง

เริ่มต้นร้านค้าออนไลน์อย่างไร

การเปิดร้านค้าออนไลน์ หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก วุ่นวาย ทำคนเดียวไม่ได้ ขอบอกว่าคุณคิดผิดอย่างแรง การเปิดร้านค้าออนไลน์ไม่ยากอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าจะเป็นมือใหม่ก็ตาม ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีร้านค้าออนไลน์ทยอยเปิดขึ้นมามากมายในขณะนี้ ซึ่งในการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์มีสิ่งสำคัญเพียงไม่กี่อย่าง ดังนี้

1. มองหาสินค้าที่อยากขาย แนวคิดการหาสินค้ามาขายทำได้หลายวิธี ง่ายสุด คือ ดูว่าตนเองสนใจอะไร ชอบอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า การขายของที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษค่อนข้างได้เปรียบ เพราะเราจะรู้ข้อมูลเชิงลึกเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี เช่น ชอบแต่งหน้า อยากขายเครื่องสำอาง คุณจะรู้ว่าขั้นตอนแต่งหน้ามีอะไรบ้าง เครื่องสำอางแต่ละชนิดคืออะไร ใช้อย่างไร ถือได้ว่าเป็นข้อดีของผู้ขายเอง ในกรณีที่ลูกค้าเข้ามาสอบถามข้อมูลก็จะได้ให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง

วิธีต่อมา คือ หาข้อมูลดูว่าสินค้าอะไรกำลังอินเทรนด์อยู่ในตอนนี้ อย่างในช่วงที่ผ่านมา กระแส “ตุ๊กตาเฟอร์บี้” มาแรง แม่ค้าหลายคนหูตาไวหันมาจับเทรนด์ตุ๊กตาเฟอร์บี้จนร่ำรวยไปหลายราย นี่แสดงให้เห็นถึงพลังกระแสนิยมที่สามารถการันตีรายได้ให้แน่นอน

และวิธีสุดท้าย คือ สอบถามจากคนรอบข้าง ถามความคิดเห็น เช่น ถ้าอยากขายสินค้าชนิดนี้คิดเห็นอย่างไรบ้าง, ถ้าต้องเป็นลูกค้าจะซื้อสินค้าชนิดนั้นหรือไม่ หรือถามไปตรงๆ เลยก็ได้ว่าขายอะไรดี แน่นอนว่าคนรอบข้างสามารถให้ไอเดียคุณได้ อยู่ที่ว่าจะเอาต่อยอดได้อย่างไร

2. หาแหล่งซื้อของ เมื่อได้ประเภทสินค้าที่อยากขายแล้ว ต้องรู้ด้วยว่าเราจะไปหาสินค้าเหล่านั้นได้จากที่ไหน เช่น ขายของกิฟท์ช้อปต้องไปสำเพ็ง ขายตุ๊กตาอาจต้องติดต่อโรงงานโดยตรง ขายเสื้อผ้าต้องไปประตูน้ำ เป็นต้น เพราะสินค้าแต่ละประเภทมีแหล่งซื้อขนาดใหญ่ของมันอยู่แล้ว ทำให้ได้สินค้าในราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อจากที่อื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ลดต้นทุนค่าสินค้าได้

3. เลือกช่องทางการขายของ ปัจจุบันการขายของออนไลน์มีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งาน โดยช่องทางหลักๆ ที่เป็นที่นิยม มีทั้งเว็บไซต์ ทั้งแบบสำเร็จรูปและไม่สำเร็จรูป หรือถ้าไม่ต้องการเปิดเป็นร้านทางเว็บไซต์ก็สามารถใช้ facebbok เป็นช่องทางการขายได้ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในเวลานี้ด้วย เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่าย และเข้าถึงผู้ซื้อได้ง่าย เพราะทุกคนใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์กับเกือบตลอดเวลา

สำหรับเจ้าของร้านที่อยากทำเว็บไซต์ขึ้นมาเอง ก็มีเรื่องที่ควรพิจารณาต่อไป คือ การตั้งชื่อเว็บไซต์ การดำเนินขั้นตอนการจดโดเมน รวมไปถึงการเช่าโฮสเพื่อเก็บข้อมูลร้านค้าไว้ ซึ่งในช่วงแรกๆ ไม่จำเป็นต้องใช้โฮสต์ราคาแพง เนื่องจากข้อมูลอาจจะไม่มาก แต่ถ้าคิดว่าเว็บไซต์ที่ทำต้องอลังการ ข้อมูลแน่นเอี้ยด มีสินค้าหลายพันชนิด เลือกโฮสต์ที่มีความจุมากหน่อยก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะคุ้มค่าต่อร้านค้าออนไลน์ของเรามากกว่า

สิ่งที่จะทำให้ร้านค้าออนไลน์ของเราต่างจากร้านค้าออนไลน์อื่นๆ

ต้องบอกก่อนเลยว่าร้านค้าออนไลน์ในปัจจุบันน่าจะมีเป็นหมื่นๆ ร้านค้า และในแต่ละประเภทสินค้าก็มีร้านค้าหลายร้านแย่งชิงลูกค้ากันอยู่ ถ้าไม่เปิดนานกว่าจริงจนมีลูกค้าขาประจำหรือร้านมีจุดเด่นดีกว่าจริงๆ ก็อาจทำให้ขายได้ไม่ตรงตามที่ตั้งไว้ แต่ความเป็นจริงแล้วทุกๆ ร้านค้าออนไลน์สามารถสร้างเสน่ห์ให้กับร้านตัวเองได้ง่ายๆ รับรองว่าถ้าได้ลองนำเคล็ดลับตามนี้ไปใช้ จะช่วยให้ร้านค้าของคุณมีจุดเด่นกว่าร้านค้าออนไลน์อื่นๆ แน่นอน

1. ร้านค้าน่ามอง การทำร้านค้าน่ามองเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ลองสังเกตจากพฤติกรรมตัวเอง หากมีร้านค้าสองร้านขายสินค้าเหมือนกัน แต่รูปแบบหน้าเว็บต่างกัน เว็บหนึ่งรก ตัวหนังสือเล็ก ดีไซน์เรียบๆ เชยๆ กับอีกร้านหนึ่ง รูปแบบทันสมัย มีลายการ์ตูนน่ารักเหมาะสมกับสินค้า คุณจะเลือกเข้าเว็บใดก่อน

แน่นอนว่าเกือบ 100% ต้องการเข้าเว็บที่ดูดี น่าใช้ มองสบายตา ดังนั้นก่อนเริ่มทำเว็บไซต์ คุณอาจจะลองสำรวจเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่มีอยู่ตอนนี้ ว่ารูปแบบเป็นอย่างไร ดีไซน์เน้นแนวไหน และหาข้อด้อยของดีไซน์เหล่านั้น จากนั้นก็ออกแบบเว็บไซต์ของตัวเองให้น่ามองและแตกต่างจากร้านที่มีอยู่ เพียงเท่านี้ภายนอกของร้านคุณจะมีจุดเด่นที่แตกต่างจากร้านอื่น สามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้

2. ร้านค้าใช้งานง่าย นอกจากความสวยงามน่าใช้แล้ว ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้ด้วย หมายความว่า ถ้าเว็บมีดีแค่สวย แต่หาวิธีกดสั่งซื้อไม่ได้ ไม่สามารถขยายภาพใหญ่เพื่อดูสินค้าได้ หรือเปิดร้านค้าออนไลน์ของคุณแล้วเกิดอาการค้างบ่อย ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้คนที่เข้าร้านมาเกิดอารมณ์เสียจนไม่อยากสั่งสินค้าได้ เนื่องจากใช้งานยาก มีปัญหาบ่อย

ในทางตรงกันข้าม ถ้าออกแบบให้เว็บไซต์ร้านค้าของคุณใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสินค้าลงตะกร้า การถ่ายรูปภาพชัดเจน เขียนอธิบายทุกอย่างไว้ละเอียด สามารถหาทางเข้าออกเว็บไซต์สะดวก ไม่ต้องมามึนงงกับสารพัดปุ่มในเว็บไซต์ ก็เป็นหนึ่งจุดขายที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการสั่งสินค้าที่เว็บนี้สะดวกสบายๆ ทั้งการเลือกสินค้า จ่ายค่าสินค้า รวมถึงการแจ้งหมายเลขโอน เป็นต้น

ดังนั้นถ้าทำเว็บร้านค้าออนไลน์ให้ใช้งานง่าย สบายตา สะดวกสบาย แม้จะเป็นคนที่เพิ่งเข้าเว็บมาใหม่ ก็สามารถสร้างความแตกต่างและเป็นตัวเลือกสำหรับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

3. คนขายคือจุดเด่น ถึงแม้ว่าการขายของในโลกออนไลน์ ผู้ซื้อ-ผู้ขายจะไม่ได้เห็นหน้ากันโดยตรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีปฏิสัมพันธ์กันไม่ได้ โดยเฉพาะการขายของ ผู้ขายยิ่งต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สร้างความเป็นกันเองกับผู้ซื้อให้มากๆ

นอกจากนี้สินค้าบางประเภท เช่น เสื้อผ้า แม่ค้าสามารถใช้ตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า สวมชุดสินค้าได้เลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าร้านค้าที่แม่ค้าหันมาใช้วิธีนี้สามารถเพิ่มยอดขายได้ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะผู้ซื้อเห็นหน้าแม่ค้าแล้ว จึงเชื่อมั่นร้านค้าได้ในระดับนึงว่าจะไม่หลอกลวง เพราะปกติแล้วหากคนเราต้องการจะทำทุจริตมักไม่ให้เห็นรูปหน้าคร่าตา รวมถึงการให้ตนเองเป็นแบบโชว์สินค้ายังสร้างความเป็นกันเองให้กับผู้ซื้อได้ รู้สึกว่าแม่ค้าสามารถจับต้องได้ พูดคุย เย้าแหย่ได้ ซึ่งในปัจจุบันมีร้านค้าเพียงไม่กี่ร้านที่ผู้ขายสร้างตนเองขึ้นมาเป็นจุดขาย ดังนั้นถือเป็นความต่างที่สร้างจุดเด่นขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

4. เอาใจใส่ลูกค้า ต่อให้ร้านค้าจะเริ่มขายดิบขายดีแล้วก็ตาม การเอาใจใส่ลูกค้ายังเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าตนเองเป็นคนพิเศษเมื่อได้มาซื้อสินค้าที่ร้านนี้ วิธีเอาใจใส่ลูกค้า ทำได้หลายวิธี เช่น การลดราคาให้ การให้คำแนะนำสินค้า เช่น ต้องใส่รูปแบบไหน สีไหน หากเป็นสินค้าอื่น ก็ให้คำแนะนำในด้านคุณประโยชน์ของสินค้า รวมถึงหากมีสินค้าใหม่ๆ หากเห็นว่าเป็นสิ่งที่ลูกค้าคนไหนชอบ อาจแจ้งข่าวให้ลูกค้ารายนั้นทราบเป็นคนแรกๆ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้อาจจะดูเป็นเรื่องของการตลาด แต่การเอาใจใส่ที่เอาชนะใจลูกค้าได้ดีที่สุด คือ การจดจำชื่อลูกค้า รวมถึงสิ่งที่เค้าชอบ สไตล์ รูปแบบของสินค้าที่ชอบ เป็นต้น หรือ ส่งข้อความ คำอวยพรไปให้ลูกค้าเมื่อถึงโอกาสสำคัญๆ เช่น วันปีใหม่ วันเกิด

เทคนิคสำหรับร้านค้าออนไลน์เจ้าใหม่

ตามเว็บบอร์ดต่างๆ มักเจอกระทู้ประเภทที่ว่า แม่ค้ามาระบายว่าขายสินค้าไม่ได้เลย ไม่มีคนเข้าร้าน ขายไม่ออก คนต่อราคา ลูกค้ามีปัญหาเยอะ ฯลฯ สารพัดปัญหาที่แม่พบเจอ ส่วนหนึ่งมาจากการไม่ได้เตรียมความพร้อมรับมือ ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งปัญหาเรื่องยอดขายก็เกิดจากการไม่วางแผนเช่นกัน ดังนั้นแม่ค้ามือใหม่ทั้งหลาย ถ้าอยากขายสินค้าคล่อง มีลูกค้าเข้าร้านต่อเนื่อง ต้องอ่านเทคนิคทั้ง 5 ข้อนี้

1. “สินค้าแนะนำ” คำศักดิ์สิทธิ์

กลเม็ดเคล็ดลับการขายที่หลายคนไม่รู้ นั่นก็คือ การเลือกสินค้าจากร้านของตัวเองขึ้นมาเป็น “สินค้าแนะนำ” เป็นวิธีการทางจิตวิทยาที่สามารถชักจูงใจผู้บริโภคได้ เพราะเมื่อผู้บริโภคเข้าร้านถึงเว็บไซต์หน้าร้านแล้ว ถ้าหากสินค้าทุกอย่างเป็นสินค้าปกติหมด ไม่มีอะไรน่าสนใจ ผู้ซื้ออาจดูผ่านๆ แต่เมื่อใส่คำว่า “สินค้าแนะนำ” เข้าไปแล้ว จะส่งผลต่อความรู้สึก ให้ความรู้สึกพิเศษต่อสินค้าชนิดนั้น คล้ายกับว่าเจ้าของร้านแนะนำมาต้องเป็นสินค้าที่ดีแน่ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็เหมือนร้านอาหารที่มักมีเมนูแนะนำ ซึ่งการันตีได้เลยว่าเมนูแนะนำมักสร้างยอดขายให้กับร้านได้ดีทีเดียว

นอกจากคำว่า “สินค้าแนะนำ” แล้ว ยังมีอีกหลายคำที่สามารถกระตุ้นยอดขายได้ เช่น สินค้าขายดี, สินค้ามาใหม่, Best seller เป็นต้น

2. รีวิวครองโลก

สินค้าหลายประเภท คนซื้อมักจะอยากเห็นผลการใช้สินค้าชนิดนั้นว่าดีจริงหรือไม่ หรือกำลังดูสินค้าอยู่ แต่ไม่รู้ว่าใช้งานอย่างไร ใช้แล้วเห็นผลมั้ย มีข้อเสียอะไรบ้าง ก็อยากจะเห็นคนมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ประกอบการตัดสินใจ เช่น เครื่องสำอาง, เสื้อผ้า(ใส่แล้วสวยไหม), ครีมบำรุงผิว ไปจนถึงของประดับต่างๆ การรีวิวอาจมาจากเจ้าของร้านรีวิวขึ้นเองแบบกลางๆ ไม่ได้เชียร์สินค้า หรืออาจให้ผู้ซื้อกลับมาเขียนรีวิวให้ การที่มีรีวิวสินค้านั้นๆ สามารถเพิ่มยอดขายได้จริงๆ และถ้าสินค้านั้นใช้ดีจริง ก็ยิ่งเป็นการแชร์ข้อมูลให้คนอื่นรับรู้กันแบบปากต่อปาก ซึ่งเป็นเทคนิคทางการตลาดที่แข็งแกร่งมาก ตัวอย่างรีวิวที่มักได้ผล ก็จะเป็นรีวิวเครื่องสำอาง/ครีมดูแลผิว เมื่อผู้ซื้อซื้อไปแล้วมักกลับมาอธิบายว่าใช้อะไร ใช้นานเท่าไหร่แล้วได้ผลเป็นอย่างไร

3. ไม่หลอกลวง

ไม่หลอกลวงในที่นี้ เป็นพื้นฐานสำคัญของการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้ แม้ว่าร้านค้าออนไลน์ของคุณจะเป็นเพียงร้านเล็กๆ มีสินค้าไม่ถึงร้อยชิ้น ก็ควรใส่ใจในเรื่องนี้ ที่ผ่านมามีการร้องเรียนเยอะว่าพ่อค้า แม่ค้าในอินเทอร์เน็ตขี้โกง หลอกลวง โอนเงินจ่ายค่าสินค้าแล้วเชิดหนี พฤติกรรมแบบนี้เป็นการทำลายวงการธุรกิจร้านค้าออนไลน์และลดความน่าเชื่อถือของผู้ซื้อด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าในการจะซื้อสินค้าร้านใดร้านนึง โดยเฉพาะร้านใหม่ๆ ผู้ซื้อมักจะระแวงไว้ก่อนเสมอ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผู้ซื้อเกิดความรู้สึกเหล่านี้ เจ้าของร้านค้าออนไลน์เองต้องพยายามแสดงความจริงใจออกมาให้ผู้ซื้อเห็น ไม่ว่าจะเป็นส่งตามเวลา สินค้าไม่มีตำหนิ ไม่คิดราคาแพง รวมถึงถ้าขายสินค้าแบรนด์เนมก็ไม่ควรขายของก็อปปี้แล้วหลอกว่าเป็นของจริง นอกจากจะทำให้ผู้ซื้อเสียความรู้สึกแล้ว เจ้าของร้านค้าออนไลน์เองอาจถูกจับดำเนินคดีอีกต่างหาก คิดๆ ดูแล้วมีแต่เสียกับเสีย ดังนั้น ทำธุรกิจด้วยความสุจริตง่ายกว่าการทำทุจริตเยอะ

4. อัพเดทสินค้าสม่ำเสมอ

เคยหรือไม่ เข้าร้านค้าออนไลน์บ้างร้านแล้วเงียบกริบ ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านยังเปิดร้านอยู่หรือเปล่า สุดท้ายก็เลือกที่จะไปหาร้านอื่น ถ้าไม่อยากให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเป็นแบบนี้ หน้าเว็บไซต์หรือหน้าเพจร้านค้าของคุณต้องอัพเดทสม่ำเสมอ หากสินค้าอัพเดทได้ไม่บ่อย ก็ต้องอัพเดทหน้าร้านให้ดูมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น อัพเดทเลขที่พัสดุ หรือกล่าวทักทายก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้สินค้าบางอย่างที่ใกล้เคียงกับของที่ขายอยู่ ก็สามารถหามาขายเพิ่มเติม สร้างรายได้อีกทางนึง เช่น เดิมขายเสื้อผ้าอยู่ บางช่วงอาจจะรับเครื่องประดับ เช่น สร้อย ต่างหู มาขายเสริม เป็นต้น

5. ติดต่อง่าย รวดเร็ว พร้อมบริการเสมอ

คุณสมบัติอย่างนึงที่ทำให้ผู้ซื้อติดใจร้านค้า คือ การบริการของเจ้าของร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามเรื่องสินค้า การขอคำปรึกษา การแจ้งการโอนเงิน ไปจนถึงการบริการจัดส่ง ทุกอย่างควรทำอย่างมืออาชีพ ไม่ใช่ว่ามีออเดอร์ 1 รายเข้ามาแล้วขี้เกียจส่ง รอให้มีออเดอร์เพิ่มแล้วค่อยไปส่งทีเดียววันอื่น เช่นนี้อาจทำให้ผู้ซื้อรายแรกรู้สึกแย่ที่ต้องรอสินค้านานกว่ากำหนด ดังนั้นนี่เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่แม่ค้ามือใหม่ทุกคนควรมี สร้างความเป็นกันเองกับลูกค้ามากๆ พยายามจำชื่อลูกค้าให้ได้ จะช่วยเพิ่มลูกค้าประจำให้กับร้านเราได้

6. โปรโมทง่ายๆ แค่ติดลายน้ำที่รูป

ลูกค้าบางรายนิยมค้นหาสินค้าจากกูเกิ้ล ให้แสดงผลเป็นรูปภาพ ซึ่งบางร้านเน้นทำ SEO จนทำให้ขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ของหน้าแรกกูเกิ้ล ดังนั้นจังหวะเป็นโอกาสดีที่เราควรเผยแพร่ชื่อร้านให้คนอื่นรู้จัก บางคนอาจสงสัยว่าแค่เค้าคลิกเข้าเว็บไซต์ก็รู้ชื่อร้านแล้วนี่? นี่เป็นเพียงความคิดตื้นๆ เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงๆ ลูกค้าที่ต้องการเสิร์ชเป็นรูปภาพ ก็ไม่ได้สนใจชื่อเว็บไซต์หรือชื่อร้านแต่แรกอยู่แล้ว อาจจะแค่สนใจว่ารูปนั้นสวยหรือไม่สวย ถ้าหากคุณไม่ได้ติดชื่อร้านที่รูปภาพ ลูกค้าก็อาจเลยตามเลย แต่ถ้าได้ติดซักนิด แน่นอนว่าชื่อร้านค้าก็ได้ผ่านตาลูกค้าบ้าง

การติดชื่อร้านในรูปภาพ นอกจากจะช่วยโปรโมตร้านค้าออนไลน์ของคุณแล้ว ยังป้องกันเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในกรณีที่คุณถ่ายรูปสินค้านั้นด้วยตนเองอีกด้วย

7. แพ็คสินค้าได้คุณภาพ

จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนเคยสั่งสินค้าออนไลน์หลายครั้ง ทำให้รู้เลยว่าแต่ละร้านเอาใจใส่เรื่องการบริการมากน้อยแค่ไหน บางร้านห่อสวยงาม ใช้กล่องที่ดีมีคุณภาพ มีพลาสติกกันกระแทก และมัดกล่องสินค้าอย่างดี บางร้านห่อหุ้มเพียงชั้นเดียว เป็นต้น แน่นอนว่าการบรรจุสินค้าเป็นปัจจัยที่ทำให้เลือกใช้บริการครั้งต่อไปแน่นอน ดังนั้นสำหรับผู้ขายมือใหม่ เรื่องการบรรจุและส่งสินค้า แม้จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายก็ไม่ควรละเลยความสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าที่อาจแตกหัก หรือได้รับความเสียหายง่าย เช่น เครื่องแก้ว เครื่องสำอาง หรือของมีราคาอื่นๆ ควรมีบรรจุที่ได้ดี มั่นใจว่าส่งถึงมือผู้รับด้วยสภาพที่สมบูรณ์ นี่เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะบรรจุสินค้าอย่างดีแล้ว แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิด สินค้าได้รับความเสียหายโดยไม่ได้เกิดจากทางร้านของคุณ ตรงนี้เป็นวิจารณญาณของตัวท่านเองว่าจะช่วยเหลือได้หรือไม่ แนะนำว่าในฐานะผู้ขาย ควรยื่นมือช่วยเหลือตามความเหมาะสม เช่น ลดราคาสินค้าให้ในโอกาสต่อไป หรือ ฟรีค่าส่ง เป็นต้น การให้บริการหลังการขายที่น่าประทับจะช่วยให้ลูกค้ารายนั้นจดจำเราได้ และมีการแนะนำบอกต่อ ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมาก

ขอขอบคุณ เว็บไซต์ http://socialintegrated.com/ สำหรับบทความดี ๆ และมีประโยชน์



โดย คุณ : จักรกฤชวันที่เขียนบทความ : 2016-07-11 11:41:14 (11 ก.ค. 59 11:41) อ่านแล้ว : 2280


 





หน้าแรก    เกี่ยวกับเรา    วิธีสั่งซื้อ-จัดส่ง    วิธีชำระเงิน    แจ้งโอนเงิน    ตรวจสอบการจัดส่ง    ติดต่อเรา    สมาชิก

Copyright © 2024 Thaidshop.Com